รถยนต์ประกันออนไลน์ บริการ 24 ชม. ปริ้น พรบ.ได้เอง

ดาวโหลดใบสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

>10 ข้อควรปฏิบัติ " กรณีเกิดเหตุรถชน "



       เรื่องของ 10 ข้อที่ควรทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนนั้นถือว่า มีประโยชน์อย่างมากในการทำตาม เพราะถ้าหากมีการปฎิบัติที่ไม่ถูกต้องก็อาจจะส่งผลตามมาได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องของ 10 ข้อที่ควรทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนมีดังนี้

1. ควรหยุดรถทันที
        ควรทำการหยุดรถทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นไม่ว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็ตาม และไม่ควรเคลื่อนย้ายรถหากว่ายังไม่ได้มีการตกลงกันในเรื่องอุบัติเหตุว่าใครเป็นผู้ที่ผิด ทางทีดีควรรอจนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่มาตีเส้นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุในที่เปลี่ยวก็ควรที่จะเลื่อนรถไปจอดในที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการถูกจี้ปล้นในที่เปลี่ยว

2. อย่าพูดขอโทษ
        เรื่องของการพูดขอโทษเมื่อเกิดอุบัติเหตุถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่การพูดขอโทษในบางครั้งอาจจะเป็นการยอมรับว่าคุณได้เป็นฝ่ายกระทำผิด ซึ่งอาจจะทำให้เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

3. ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
        เมื่อเกิดอุบัติเหตุควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวคุณให้ละเอียด แก่ประกันภัยของคู่กรณีหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

4. ขอข้อมูล
        หลังจากที่เราได้ให้ข้อมูลดังกล่าว ไปแล้วเราก็ควรข้อข้อมูลรถคู่กรณีด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากคู่กรณีไม่ให้ข้อมูล ก็ควรจดเลขทะเบียนและรูปพรรณของรถเอาไว้

5. แจ้งตำรวจ
        เมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะเล็กหรือน้อย ก็ตามควรที่จะแจ้งตำรวจทุกครั้งหากเกิด อีกฝ่ายนึงไปแจ้งความภายหลังคุณอาจจะกลายเป็นผู้ที่หลบหนีได้ จะทำให้เป้นฝ่ายผิดทุกกรณี

6. หาพยาน
        ซึ่งพยานนั้นสามารถหาได้จากบริเวณดดยรอบที่เกิดเหตุ หากเขายินยอมเป็นพยานก็ควร ขอ ชื่อ-ที่อยู่ไว้เพื่อทำการติดต่อ

7. ไปโรงพยาบาล
       หากสงสัยว่าเกิดอาการบาดเจ็บ ควรไปหาหมอเพื่อทำการตรวจร่างกาย แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้การเรียกร้องค่าเสียหายนั้นยากขึ้น

8. ต้องรีบแจ้งความ
      เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต้องรีบแจ้งความทันที เพราะบริษัทประกันภัยจะไม่มีการับใบแจ้งความย้อนหลัง

9. ตกลงเรื่องค่าเสียหายให้ดี
       เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันภัยมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จะแนะนำคุณในเรื่องของค่าเสียหายว่าจะให้บริษัทประกันภัยเป็นผู้ชดใช้หรือจะรับผิดชอบเองเพราะในบางกรณีนั้น ที่ให้บริษัทประกันภัยเป้นผู้ชดใช้อาจจะสงผลให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกันภัย แต่ถ้าหากเป็นผู้ชดใช้เองจะทำให้เสียเงินน้อยกว่า ค่าเบี้ยประกันที่เพิ่มขึ้น

10. อย่ารีบรับข้อเสนอ
       เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หากอีกฝ่ายเป็นผู้ยอมรับผิดอย่าพึ่งรีบรับขอสนอให้ทำการยอมความ เพราะถ้าหากเกิดบาดเจ็บแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานาน จะทำให้เรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมได้ยาก

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ที่ได้นำมาให้เพื่อนๆได้ชมกันเกี่ยวกับเรื่องของ 10 ข้อที่ควรทำเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ซึ่งเพื่อนๆสามารถนำไปใช้ได้เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น 


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : car.boxzaracing.com

>สาเหตุของ " อุบัติเหตุ การจราจรทางบก "


        อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในการจราจรทางบกนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน จากสถิติของกรมทางหลวง พบว่า สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางหลวงมากที่สุด คือการขับรถเร็ว รองลงมาคือการขับรถระยะกระชั้นชิด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในการจราจรทางบกนั้น มักเกิดขึ้นจากสาเหตุที่สำคัญ 3 ประการดังนี้ 

 1.สาเหตุเกิดจากผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ ผู้โดยสาร คนเดินทาง หรือสัตว์เลี้ยงต่างๆ

 1.1 สาเหตุจากผู้ขับยวดยานพาหนะ

- มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย ง่วงนอน หรือหลับในสุขภาพไม่ดี มีโรคประจำตัว โรคลมชัก ตาบอดสี ตาพร่า น้ำตาลในเลือดต่ำ

- มีความบกพร่องทางด้านจิตใจและอารมณ์ เช่น มีความกลัดกลุ้มใจ วิตกกังวล อารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว มีความตึงเครียดทางอารมณ์ 

 - ขาดความรู้ความชำนาญ และประสบการณ์ในการใช้ถนน เช่น ขาดความรู้เรื่องความเร็วกับรถ คาดคะเนความเร็ว หรือกะระยะทางไม่ถูกต้อง ไม่มีความรู้ความชำนาญ ในเรื่องลักษณะของยวดยานที่ใช้ขับ ไม่รู้กฎจราจร เป็นต้น 

  - ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือข้อบังคับ เช่น ขับรถเร็ว ขับรถตัดหน้ารถอื่นระยะกระชั้นชิด ขับรถล้ำช่องทางเดินรถ ขับรถแซงซ้าย หรือแซงขวาในที่คับขัน ขับรถตามหลังคนอื่นอย่างกระชั้นชิด ฝ่าฝืนป้ายหยุดขณะออกจากทางร่วม ขับรถย้อนศรทางเดินรถ ขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร หยุดรถโดยกระชั้นชิด ฯลฯ 

 - ไม่รู้จักป้องกันตนเอง เช่น ขับรถด้วยความประมาท ขาดความระมัดระวัง ความเร่งรีบในการเดินทาง เสพยากระตุ้นประสาท ดื่มสุราขณะขับรถ ฯลฯ สำหรับเรื่องการดื่มสุรานั้น จากสถิติของสถาบันนิติเวชวิทยา กรมตำรวจ ปี พ.ศ. 2532 พบว่าผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากการจราจร มีประวัติการดื่มสุราจำนวน 288 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 77.12 

 1.2 สาเหตุจากผู้โดยสาร คนเดินเท้า หรือสัตว์เลี้ยง

- การขาดความระมัดระวัง เช่น ผู้โดยสารขึ้นหรือลงรถโดยไม่ระมัดระวัง ในการปิด-เปิดประตูรถ เดินถนนโดยไม่ระมัดระวังยวดยาน วิ่งตัดหน้ารถ การวิ่งเล่นบนถนน ลื่นหกล้ม ลังเลใจในการข้ามถนน ฯลฯ 

- การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น ห้อยโหนรถโดยสารรถประจำทาง ไม่ขึ้นหรือลงขณะรถหยุด หรือที่ป้ายจอด ไม่ข้ามถนนตรงทางข้าม, สัญญาณ หรือสะพานลอย ไม่เดินถนนตามบาทวิถีหรือทางเท้า 

- ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น ข้ามถนนโดยออกจากหน้า หรือท้ายรถขณะที่รถยังจอดอยู่ สัตว์เลี้ยงเดินข้ามถนนหรือวิ่งตัดหน้ารถ ฯลฯ 

- ความไม่สมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ เช่น สภาพร่างกายที่อ่อนเพลียการดื่มสุราขณะเดินถนน เป็นต้น

 2. สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม  ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ สภาพของรถ สภาพถนนและดินฟ้าอากาศ

 2.1 สาเหตุจากสภาพของรถ

-  ยางระเบิดหรือยางแตก ทำให้รถเสียการทรงตัว พลิกคว่ำได้ง่าย โดยเฉพาะรถที่กำลังแล่นด้วยความเร็วสูง และถนนลื่น           1.2 เบรกแตก เบรกลื่น ทำให้รถไม่สามารถหยุดหรือชะลอความเร็วลงได้ตามความต้องการ

- เพลาหลุดหรือเพลาขาด ทำให้รถหมดกำลังในการขับเคลื่อน รถจะไม่แล่น แม้ว่าจะเหยียบคันเร่งอย่างไรก็ตาม ทำให้ยากแก่การควบคุมความเร็ว และง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ

- คันส่งหลุด ทำให้พวงมาลัยใช้การไม่ได้ ไม่สามารถควบคุมรถได้

- อุปกรณ์ประจำรถชำรุดหรือขัดข้อง เช่น ไม่มีไฟหน้า-หลัง ไฟใหญ่มีข้างเดียว หรือไม่มีเลย ไฟเลี้ยวชำรุด  ไม่ได้ซ่อมแซมหรือแก้ไข พวงมาลัยสั่นขณะขับ เป็นต้น

- การเปลี่ยนแปลงสภาพรถ เช่น การเพิ่มแรงเครื่อง ทำให้ผู้ขับขี่เกิดความคะนองและขับรถเร็ว การแปลงสภาพรถตามความพอใจ โดยไม่คำนึงถึงสภาพรถที่ได้รับการออกแบบมา

 2.2 สาเหตุจากบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ สภาพถนนและสภาพแสงสว่าง

- บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ทางแยก ทางโค้ง ทางตรง ทางเบี่ยงสะพาน วงเวียน ทางตัดทางรถไฟ ทางลาดชัน/เนินเขา ทางเข้าออกทางด่วน ทางเชื่อมโยงทางแยก ทางเชื่อมอาคารที่พักอาศัย ฯลฯ ซึ่งบริเวณที่มักเกิดเหตุบ่อยที่สุดคือ ทางตรง โดยสภาพเส้นที่ดีเรียบ มักทำให้ผู้ขับขี่ขาดความระมัดระวังและขับรถด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้จะพบว่าถนน 3 ช่องทางจะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าถนน 2 ช่องทาง และถนน 4 ช่องทาง และถนนสี่แยกจะอันตรายกว่าสามแยก

- สภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีโคลนตม มีเครื่องกีดขวางมากๆ หรือถนนที่แคบ ถนนที่ลื่น มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

- สภาพแสงสว่างบนถนน เช่น แสงสว่างที่ส่องจากรถคันที่สวนมาโดยการเปิดไฟสูงและมีความสว่างสูง ทำให้ตามัวมองไม่ชัดเจน หรือไม่มีไฟส่องสัญญาณทางแยก บนท้องถนนมืดไม่มีไฟฟ้า ไม่มีแสงสว่าง ทำให้มองไม่เห็นทาง หรือมองไกลไม่ได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อการขับรถ อย่างไรก็ตามแสงสว่างในเวลากลางวัน หรือความสว่างของ ถนนก็มักทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงกว่าเวลากลางคืน แต่ความรุนแรงจะเกิดในเวลากลางคืนมากกว่า

 2.3 สาเหตุจากดินฟ้าอากาศ

- ฝนตกหนัก น้ำท่วม ทำให้ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหล่มโคลน ถนนลื่น ทำให้รถตกถนน พลิกคว่ำ

- การเกิดพายุหรือหมอกลงจัด ทำให้มีควันปกคลุมมองไม่เห็นทาง เกิดอุบัติเหติได้ง่าย

- พายุหิมะ ในต่างประเทศอาจมีพายุหิมะ ทำให้ถนนลื่นมองไม่เห็นทาง

- สภาพดินฟ้าอากาศที่ดี อุบัติเหตุมักเกิดจากสภาพดินฟ้าอากาศที่ดีเสมอ ทั้งนี้เพราะผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูง และขาดความระมัดระวังอันตราย

 3. สาเหตุจากกฎหมาย  กฎหมายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุ ดังนี้
   
 3.1 การขาดการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทุกคนทราบกฎระเบียบ ข้อบังคับ และบทลงโทษ ในการฝ่าฝืนกฎต่างๆ ทำให้ประชาชนขาดจิตสำนักและฝ่าฝืนกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งมีผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ 

 3.2 บทลงโทษหรือค่าปรับยังไม่เหมาะสม ทำให้มีการฝ่าฝืนกำจราจร หรือกฎระเบียบต่างๆ อยู่เสมอ 

 3.3 การที่กฎหมายมิได้กำหนดเพศ อายุสูงสุดของผู้ขับขี่ รวมทั้งการศึกษาขั้นต่ำของผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่จะสอบผ่าน และได้รับใบอนุญาตขับขี่มาแล้ว ก็อาจทำผิดกฎจราจร และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 

 3.4 การขากการกวดขัน จับกุม หรือยังไม่จริงจังหรือเข้มงวดในการพิจารณาดำเนินคดีหรือจับกุม ผู้กระทำผิด เป็นสาเหตุให้ขับรถหรือใช้รถใช้ถนนอย่างเสรี ตามอำเภอใจ ซึ่งมักทำให้เกิดอุบัติเหตุ

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.ipesp.ac.th

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

>ขั้นตอนง่าย ๆ " ตรวจสภาพรถยนต์ " ก่อนเที่ยวปีใหม่



ขั้นตอนง่าย ๆ 

" ตรวจสภาพรถยนต์ " ก่อนเที่ยวปีใหม่


ตรวจสภาพรถ ให้พร้อมใช้ด้วยตนเอง รวมวิธี ตรวจเช็กสภาพรถยนต์เบื้องต้น
        
        ทุกวันนี้การเดินทางส่วนใหญ่จะใช้รถยนต์แทบทั้งสิ้น และยิ่งใครที่ต้องใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวันบ่อย ๆ ด้วยแล้วละก็ บทความนี้อาจเป็นความรู้ให้ไม่มากก็น้อย หรือบางคนอาจรู้แล้วก็ไม่เป็นไร เพราะยังมีมือใหม่บางท่านที่อาจยังไม่ทราบก็ได้
        
        สำหรับวิธีตรวจเช็กต่าง ๆ ที่นำมาเสนอในครั้งนี้ จะเป็นการตรวจเช็กแบบคร่าว ๆ ที่ทำได้ด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้รับรู้ทันท่วงที หากเกิดความผิดปกติขึ้น ก่อนที่มันจะลุกลามไปใหญ่โตจนทำให้เสียเงินเสียทองซ่อมบานตะไท และขอย้ำว่านี่ไม่ใช่แนวทางการซ่อม หากพบเจอปัญหาควรนำรถยนต์เข้าศูนย์ซ่อม หรืออู่ซ่อมรถยนต์ทันทีจะดีที่สุด


         1.น้ำมันเครื่อง ดึงก้านน้ำมันเครื่องออกมาในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานจนถึงอุณหภูมิปกติแล้วดับสักครู่ (1-5นาที) จากนั้นเช็ดทำความสะอาดปลายก้านที่มีน้ำมันเครื่องติดออกมา แล้วใส่กลับเข้าไปที่เดิมอีกครั้ง ปล่อยไว้สักครู่แล้วดึงออกมาวัดระดับที่ได้ ว่ามีน้ำมันเครื่องคงเหลืออยู่ปริมาณเท่าไร โดยดูได้จากเกจวัดระดับ และที่ดีที่สุดคือระดับน้ำมันเครื่องต้องอยู่ในจุด F หรือ FULL นั่นเอง (อย่าปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้งเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเครื่องยนต์พังแน่ๆ)


        2.น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ สิ่งแรกที่ต้องทำคือจอดรถบนทางราบ และใส่เบรกมือ จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วเปลี่ยนเกียร์ ไล่ไปตั้งแต่ตำแหน่ง P จนถึง L หรือ 1 เมื่อเปลี่ยนเกียร์แต่ละตำแหน่งให้ค้างไว้ที่ตำแหน่งนั้น ๆ สักครู่ แล้วจึงค่อยเลื่อนเปลี่ยนเกียร์ถัดไป เสร็จทุกเกียร์แล้วจึงเลื่อนมา P หรือ N ดึงก้านวัดระดับเกียร์อัตโนมัติออกมาแล้วเช็ดทำความสะอาดก่อน จากนั้นใส่ก้านวัดกลับเข้าไปแล้วดึงออกมาใหม่ คราวนี้สังเกตดูว่าระดับน้ำมันที่ติดออกมาอยู่ตรงตำแหน่งไหน ซึ่งถ้ายังอยู่ตรงคำว่า H หรือ HOT แสดงว่าระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติปกติ


        3.น้ำมันเบรก มีจุดให้สังเกตระหว่าง Min กับ Max ถ้าในระดับปกติต้องไม่เกิน Max และไม่ต่ำกว่า Min แต่ถ้าหากรู้สึกว่า น้ำมันเบรกพร่องหายเยอะเกินปกติ ควรรีบหาสิ่งผิดปกติโดยทันที หรือนำไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจเช็ก และแก้ไข


        4.น้ำมันคลัทช์ สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา เช่นเดียวกันกับน้ำมันเบรก สังเกตดูที่ระดับ Min กับ Max โดยระดับน้ำมันคลัทช์ต้องอยู่ระหว่างกลาง ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่าจุดที่กำหนด และถ้ารู้สึกว่าน้ำมันคลัทช์หายเยอะจนผิดปกติ ให้รีบหาต้นตอปัญหา หรือให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็ก และแก้ไขทันที


        5.น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ เช็กได้ง่ายๆ เหมือนกับ 2 ข้อด้านบน ดูระดับ Min กับ Max เช่นเดียวกัน ไม่ให้น้อย หรือเกินกว่าจุดที่กำหนด และถ้าระดับน้ำมันหายไปเยอะผิดปกติ ก็ตรวจหาสาเหตุ หรือให้ช่างตรวจเช็ก และแก้ไขทันที


        6.น้ำในถังฉีดกระจก อาจจะดูไม่ค่อยสำคัญเท่าไร แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องใช้จริง ๆ มีไว้ก็ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี ดังนั้นควรเช็กบ้างว่ามันยังมีเหลือหรือเปล่า เพราะใช้เพียงแค่น้ำเปล่าธรรมดาเท่านั้น


        7.แบตเตอรี่ มีทั้งแบบแห้ง (ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น และแบบน้ำ (เติมน้ำกลั่น) สำหรับแบตฯ แห้ง ราคาค่อนข้างจะสูงมากทีเดียว แต่ก็ดีตรงที่ไม่ต้องดูแลอะไรมาก เพียงแค่สังเกตอาการ ถ้าเมื่อไหร่ที่เริ่มสตาร์ทติดยาก หรือถึงตามระยะเวลาอายุการใช้งาน ก็เตรียมตัวเปลี่ยนได้เลย แต่ถ้าเป็นแบตฯ น้ำ ต้องดูแลใส่ใจกันนิดนึง เพราะใช้ไปสักระยะ น้ำที่อยู่ในแบตฯ จะระเหยออกไป ดังนั้นจึงต้องคอยเติมอยู่เสมอไม่ให้ขาด และอย่าเติมล้นเกินไป เพราะเมื่อมันเดือดกรดจะล้นออกมากัดขั้ว หรือตัวถังรถได้


         8.น้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำ ควรจะเช็กในตอนเช้า ๆ ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือเช็กในตอนที่เครื่องยนต์ไม่มีความร้อนจะดีที่สุด ส่วนการสังเกตความผิดปกตินั้น ก็เปิดฝาหม้อน้ำ หรือถังพักน้ำสำรอง ดูสี ดูสภาพ ว่ายังดูดีเหมือนตอนแรกหรือเปล่า น้ำลดหายไปมากแค่ไหน ถ้าหายไปก็เติมเข้าไปด้วยน้ำยาหล่อเย็น หรือน้ำเปล่า (เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น) เพราะการใช้น้ำยาหล่อเย็นจะช่วยป้องกันหม้อน้ำได้ดีที่สุด และหากสภาพที่เห็นไม่ค่อยสู้ดี มีสีของสนิม สมควรแก่การเปลี่ยนถ่ายโดยทันที


        9.ท่อยาง ท่อทางเดินต่าง ๆ ในห้องเครื่อง ตรวจดูท่อต่าง ๆ ว่ามีตรงไหนผิดปกติบ้าง และท่อเชื่อมต่อต่างๆ ยังอยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งานหรือเปล่า เช่น ไม่มีการรั่ว เยิ้ม แฉะ ซึม ฯลฯ พร้อมทั้งตรวจสภาพของท่อไปด้วยว่ามีอาการ กรอบ แข็ง นิ่ม หรือไม่


        10.ไส้กรองอากาศรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นแบบเปียก หรือแบบแห้ง กรองเปลือย หรือกรองเดิม ก็ต้องใส่ใจดูแลกันสักหน่อย จะได้ไม่มีเศษฝุ่นสิ่งสกปรกต่าง ๆ ผ่านเข้าไปในห้องเผาไหม้ ส่วนการดูแลก็ทำได้ง่าย หากดูแล้วยังเห็นว่าใช้งานได้อยู่ สกปรกไม่มาก ก็จัดการนำไปเป่าไล่เศษฝุ่นต่าง ๆ จากภายในออกสู่ภายนอกให้หมด หรือถ้าเป็นแบบเปียกก็นำไปล้างแล้วลงน้ำยาใหม่ และถ้าสกปรกมาก หรือดูสภาพไม่ดีแล้ว จัดการเปลี่ยนใหม่ดีที่สุด




         11.ยางรถยนต์ ดูคร่าว ๆ ในเรื่องของสภาพยางทั้ง 4 ล้อ และยางอะไหล่ ว่ายังพร้อมใช้หรือไม่ รวมไปถึงตรวจดูลมยางของแต่ละล้อ ว่ามีล้อไหนลมหายไปเยอะผิดปกติกว่าเส้นอื่นบ้าง หากมีควรรีบหาสาเหตุ และนำไปปะยางทันที หรือถ้าสภาพยางไม่ไหวแล้ว จัดการเปลี่ยนใหม่ปลอดภัยกว่า



        12.ไส้กรองระบบปรับอากาศภายในรถยนต์ ต้องลงทุนรื้อภายในกันนิดหน่อย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถแน่นอน ซึ่งหลังจากที่ถอดออกมาแล้ว ก็จัดการเปลี่ยนอันใหม่เข้าไปได้เลย (ไม่แนะนำให้เอามาทำความสะอาดแล้วใส่เข้าไปใหม่ เพราะไส้กรองแอร์ราคาไม่แพงแล้ว)


       13.สัญญาณไฟ และไฟส่องสว่างต่างๆ เช็กดูให้หมด ทั้งไฟหน้าสูง-ต่ำ ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอยหลัง ไฟฉุกเฉิน ฯลฯ ว่ามีตรงไหนติด-ดับบ้าง หากมีก็จัดการนำหลอดใหม่เปลี่ยนเข้าไปแทนที่ได้เลย


        ถือเป็นข้อมูลความรู้เบื้องต้นให้แก่ผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ อีกทั้งยังช่วยเสริมให้ผู้ที่รู้แล้วได้เข้าใจมากขึ้น และหากข้อไหนที่เช็กแล้วมีปัญหา ไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้ แนะนำให้เข้าศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมทันที เพราะหากทำเองแล้วผิดพลาดจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : car.kapook.com

วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

>เที่ยวปีใหม่นี้ ซื้อประกันรถยนต์ ออนไลน์ ที่ไหนดี...? ที่นี่เปิดบริการ 7 วัน 24 ชม.ครับ


เที่ยวปีใหม่นี้ 
ซื้อประกันรถยนต์ ออนไลน์ ที่ไหนดี...?
ที่นี่เปิดบริการ 7 วัน 24 ชม.ครับ
คุ้มครองทันที.สมัครสมาชิก ฟรี 
พร้อมรับสิทธิพิเศษ มากมาย
ผมซื้อประกันรถยนต์ที่นี้ครับ คลิกเลย.!!
https://insure.724.co.th/u/AM00062781
เลือกซื้อประกัน ง่ายแค่ปลายนิ้ว
-มีบริษัทชั้นนำให้เลือกมากมาย
-สามารถเปรียบเทียบราคาได้เอง
-เลือกซื้อได้เองที่นี่เลยไม่ต้องรอ
“คลิกแล้ว รับกรมธรรม์เลย ”
-มาตราฐานการรับรอง
-คปภฯ
-DBD กรมพัฒนาธุรกิจการค้าฯ
-สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย
-GEOฯ
หากมีข้อสงสัยโทรในลิ้งได้เลยครับ
จะมี เจ้าหน้าที่.ให้บริการ 24 ชม.ครับ
----------------
สำหรับคนชอบคุย...
โทรเลย 02 867 3899

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

>คุ้มกว่านี้ ไม่มีแล้ว! เบี้ยเริ่มต้นเพียง 9,900 บาท!


คุ้มกว่านี้ ไม่มีแล้ว!
เบี้ยเริ่มต้นเพียง 9,900 บาท!
ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 'Family Man'
ซื้อวันนี้ ผ่อน 0% นาน 6 เดือน!
คลิกเลย! https://insure.724.co.th/u/AM00062781
คนรักครอบครัว ห้ามพลาด!
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 "Family Man" ประกันภัยสุดพิเศษที่ใส่ใจในความปลอดภัยของคนในครอบครัว ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก! เบี้ยเริ่มต้นเพียง 9,900 บาท!
สุดคุ้ม! ผ่อนชำระสบายๆ 0% สูงสุด 6 เดือน กับธนาคารชั้นนำ (ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงเทพ)
สั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ กับ 724 ได้แล้ววันนี้!
---------------------------------------------
ซื้อประกันรถยนต์ ออนไลน์ ที่ไหนดี...?
ที่นี่เปิดบริการ 7 วัน 24 ชม.ครับ
คุ้มครองทันที.สมัครสมาชิก ฟรี
พร้อมรับสิทธิพิเศษ มากมาย
ผมซื้อประกันรถยนต์ที่นี้ครับ คลิกเลย.!!
https://insure.724.co.th/u/AM00062781
เลือกซื้อประกัน ง่ายแค่ปลายนิ้ว
-มีบริษัทชั้นนำให้เลือกมากมาย
-สามารถเปรียบเทียบราคาได้เอง
-เลือกซื้อได้เองที่นี่เลยไม่ต้องรอ
“คลิกแล้ว รับกรมธรรม์เลย ”
-มาตราฐานการรับรอง
-คปภฯ
-DBD กรมพัฒนาธุรกิจการค้าฯ
-สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย
-GEOฯ
หากมีข้อสงสัยโทรในลิ้งได้เลยครับ
จะมี เจ้าหน้าที่.ให้บริการ 24 ชม.ครับ
----------------
คลิกเว็บ โค้ช สัมพันธ์
https://coachsamphansrikrungbroker.blogspot.com/
----------------
สำหรับคนชอบคุย...
โทรเลย 02 867 3899
ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมงเลย

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

>บริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ร่วมสร้างสรรค์ Content ดี ๆ

บริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกแขนงที่ร่วมสร้างสรรค์ Content ดี ๆ เผยแพร่เรื่องราวดี ๆ กับ ประกัน ออนไลน์ " 724 Insure " ซื้อประกันออนไลน์ง่าย ๆ เพียง 4 คลิก





























ทางบริษัทขออภัยเนื่องจากไม่สามารถลงข่าวให้ชมได้ทุกสำนัก

สามารถอ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่

บทความที่ได้รับความนิยม